Tuesday, 22 May 2012

Equipment selection and troubleshoot


1. Access point
    1. มาตรฐานที่ต้องการใช้งานในด้านต่างๆi.      ในขณะนี้มีมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้คือ A(5GHz) / B(2.4GHz) / G(2.4GHz) / N(2.4, 5GHz)
    1. ความถี่วิทยุและช่องสัญญาณที่ต้องการใช้งานi.      มาตรฐานที่ใช้งานหลักในประเทศไทยคือ  ETSI (Europe) แต่ในการใช้งานทั่วไปให้ยึดมาตรฐาน FCC (USA)
    1. ความไวภาครับ
    2. สายอากาศติดตัวหรือถอดเปลี่ยนได้
    3. รูปแบบการเชื่อมต่อสัญญาณและช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์
    4. จำนวนผู้ใช้งานที่จุดติดตั้งi.      ในทางปฏิบัติ Wireless AP จะสามารถรองรับลูกข่ายทุกประเภทได้ไม่เกิน 30 ตัว
2. สายนำสัญญาณ
    1. ค่า Impedance
    2. ความยาว และขนาดความกว้างของสายi.      ไม่ควรยาวเกิน 3 เมตรในกรณีของสายรุ่นเล็ก
    1. การลดทอนสัญญาณi.      สายรุ่นเล็ก การลดทอนยิ่งมีมากขึ้น
    1. ความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมi.      จะต้องดูเป็นพิเศษในกรณีของสาย UTP ที่ต่อเข้ากับอุปกรณ์ภายนอกอาคาร
    1. ลักษณะของหัวต่อสาย ทั้งต้นทางและปลายทาง
3. สายอากาศ
    1. ความถี่วิทยุที่สายอากาศรองรับi.      ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกใช้สายอากาศให้ตรงกับความถี่ใช้งาน มิฉะนั้น Wireless AP อาจเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงได้
    1. ลักษณะและมุมของการกระจายสัญญาณi.      ยิ่งอัตราขยายสูง มุมของการกระจายสัญญาณยิ่งแคบ (ในกรณีรอบตัว มุมจะแคบในภาคแนวตั้ง)
    1. อัตราขยาย
    2. ค่า Impedance (อุปกรณ์รับ-ส่งคลื่นวิทยุทั่วไปจะอยู่ที่ 50 โอห์มอยู่แล้ว)
    3. กำลังส่งสูงสุดที่รองรับi.      สายอากาศส่วนใหญ่จะรองรับกำลังส่งได้สูงอยู่แล้ว
    1. ลักษณะของหัวต่อสาย
    2. น้ำหนักและการต้านลมi.      เป็นปัจจัยที่ใช้เลือกเสาติดตั้ง
    1. ลักษณะการใช้งานและระยะทางในการเชื่อมต่อ
4. เสา
    1. รูปแบบของเสา (ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่)
    2. วัสดุที่ใช้i.      ถ้าเป็นเหล็กควรเคลือบสารป้องกันสนิมด้วย
    1. ความสูงที่ต้องการi.      ต้องคำนึงถึงสิ่งกีดขวางและส่วนโค้งของผิวโลกด้วย (ในกรณีระยะไกลมาก)
    1. สายล่อฟ้าและกราวด์
    2. ความยาก-ง่ายในการติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์i.      เสา Guy wired หรือ Self support จะสะดวกที่สุด
Tips:
ในกรณีติดตั้งริมชายฝั่งทะเล ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ควรพิจารณาอุปกรณ์ที่สามารถทนต่อการกัดกร่อนได้ดี

การแก้ไขปัญหา

อาการ
สาเหตุ
การแก้ไข
อุปกรณ์ Wireless AP ไม่มีสัญญาณ
- Mode ของตัวอุปกรณ์ไม่ใช่ AP (Client bridge)
- ภาคส่งของตัวอุปกรณ์เสียหาย
- ปรับเปลี่ยน Mode ของตัวอุปกรณ์ Wireless AP
- เปลี่ยนภาคส่ง
เห็นสัญญาณ Wireless แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้
- ตัวอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่สามารถส่งสัญญาณตอบกลับ AP ได้
- AP ตั้งค่า MAC address filter
- ระดับการเข้ารหัสสูงกว่าที่ Client จะใช้งานได้
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่ม MAC address ของตัวอุปกรณ์ลงใน MAC address filter ของ AP
- ปรับลดระดับการเข้ารหัสลง
เชื่อมต่อสัญญาณได้ แต่ไม่สามารถใช้งานได้
- ระยะห่างระหว่าง AP และอุปกรณ์ที่ใช้มีมากเกินไป
- มีสัญญาณรบกวน
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- ใส่ค่า Security ผิด
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่มประสิทธิภาพของ AP เช่น ต่อสายอากาศ
- เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณอื่น
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- ตรวจสอบ Security ว่าตรงตามที่ใช้งานหรือไม่
เชื่อมต่อสัญญาณได้ แต่มีอาการกระตุกของสัญญาณ
- ระยะห่างระหว่าง AP และอุปกรณ์ที่ใช้มีมากเกินไป
- กำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงเกินไป
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- มีผู้ใช้งานเชื่อมต่อ AP ตัวเดียวกันมากเกินไป
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่มประสิทธิภาพของ AP เช่น ต่อสายอากาศ
- กำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้ต่ำลงหรือให้เป็นแบบอัตโนมัติ
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- หากอุปกรณ์ Wireless AP มีส่วนปรับแก้ค่า ACK timeout ให้ทำการปรับค่าให้สูงขึ้น
- เพิ่มจำนวน AP ให้เพียงพอกับความต้องการ (AP 1 ตัวต่อผู้ใช้งาน 20 คน
สัญญาณไม่ครอบคลุมพื้นที่
- มีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่
- ใช้สายอากาศผิดประเภท (การแพร่กระจายคลื่นไม่ตรงตามความต้องการ)
- ปรับเปลี่ยนจุดติดตั้งหรือเพิ่มอุปกรณ์ AP
- ปรับเปลี่ยนสายอากาศใหม่
สัญญาณออกมาน้อย
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- ใช้สายอากาศผิดประเภท (ความถี่ไม่ตรงกับอุปกรณ์)
- ใช้สายนำสัญญาณผิดรุ่น (สูญเสียกำลังในสาย)
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- ตรวจสอบคุณสมบัติของสายอากาศก่อนนำมาใช้งาน
- ใช้สายนำสัญญาณที่รองรับความถี่สูง
ช่องสัญญาณระหว่าง 5.5 – 5.7 GHz เปลี่ยนช่องด้วยตัวเอง
- Dynamic Frequency Selection (DFS) มีการใช้งานในกิจการเรดาร์ภาคพื้นดิน (Ground-based radars)
- เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณอื่น


No comments:

Post a Comment