1. Access point
- มาตรฐานที่ต้องการใช้งานในด้านต่างๆi. ในขณะนี้มีมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้คือ A(5GHz) / B(2.4GHz) / G(2.4GHz) / N(2.4, 5GHz)
- ความถี่วิทยุและช่องสัญญาณที่ต้องการใช้งานi. มาตรฐานที่ใช้งานหลักในประเทศไทยคือ ETSI (Europe) แต่ในการใช้งานทั่วไปให้ยึดมาตรฐาน FCC (USA)
- ความไวภาครับ
- สายอากาศติดตัวหรือถอดเปลี่ยนได้
- รูปแบบการเชื่อมต่อสัญญาณและช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์
- จำนวนผู้ใช้งานที่จุดติดตั้งi. ในทางปฏิบัติ Wireless AP จะสามารถรองรับลูกข่ายทุกประเภทได้ไม่เกิน 30 ตัว
- ค่า Impedance
- ความยาว และขนาดความกว้างของสายi. ไม่ควรยาวเกิน 3 เมตรในกรณีของสายรุ่นเล็ก
- การลดทอนสัญญาณi. สายรุ่นเล็ก การลดทอนยิ่งมีมากขึ้น
- ความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมi. จะต้องดูเป็นพิเศษในกรณีของสาย UTP ที่ต่อเข้ากับอุปกรณ์ภายนอกอาคาร
- ลักษณะของหัวต่อสาย ทั้งต้นทางและปลายทาง
- ความถี่วิทยุที่สายอากาศรองรับi. ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกใช้สายอากาศให้ตรงกับความถี่ใช้งาน มิฉะนั้น Wireless AP อาจเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงได้
- ลักษณะและมุมของการกระจายสัญญาณi. ยิ่งอัตราขยายสูง มุมของการกระจายสัญญาณยิ่งแคบ (ในกรณีรอบตัว มุมจะแคบในภาคแนวตั้ง)
- อัตราขยาย
- ค่า Impedance (อุปกรณ์รับ-ส่งคลื่นวิทยุทั่วไปจะอยู่ที่ 50 โอห์มอยู่แล้ว)
- กำลังส่งสูงสุดที่รองรับi. สายอากาศส่วนใหญ่จะรองรับกำลังส่งได้สูงอยู่แล้ว
- ลักษณะของหัวต่อสาย
- น้ำหนักและการต้านลมi. เป็นปัจจัยที่ใช้เลือกเสาติดตั้ง
- ลักษณะการใช้งานและระยะทางในการเชื่อมต่อ
- รูปแบบของเสา (ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่)
- วัสดุที่ใช้i. ถ้าเป็นเหล็กควรเคลือบสารป้องกันสนิมด้วย
- ความสูงที่ต้องการi. ต้องคำนึงถึงสิ่งกีดขวางและส่วนโค้งของผิวโลกด้วย (ในกรณีระยะไกลมาก)
- สายล่อฟ้าและกราวด์
- ความยาก-ง่ายในการติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์i. เสา Guy wired หรือ Self support จะสะดวกที่สุด
Tips:
ในกรณีติดตั้งริมชายฝั่งทะเล ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ควรพิจารณาอุปกรณ์ที่สามารถทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
การแก้ไขปัญหา
อาการ
|
สาเหตุ
|
การแก้ไข
|
อุปกรณ์ Wireless AP ไม่มีสัญญาณ
|
- Mode ของตัวอุปกรณ์ไม่ใช่ AP (Client bridge)
- ภาคส่งของตัวอุปกรณ์เสียหาย
|
- ปรับเปลี่ยน Mode ของตัวอุปกรณ์ Wireless AP
- เปลี่ยนภาคส่ง
|
เห็นสัญญาณ Wireless แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้
|
- ตัวอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่สามารถส่งสัญญาณตอบกลับ AP ได้
- AP ตั้งค่า MAC address filter
- ระดับการเข้ารหัสสูงกว่าที่ Client จะใช้งานได้
|
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่ม MAC address ของตัวอุปกรณ์ลงใน MAC address filter ของ AP
- ปรับลดระดับการเข้ารหัสลง
|
เชื่อมต่อสัญญาณได้ แต่ไม่สามารถใช้งานได้
|
- ระยะห่างระหว่าง AP และอุปกรณ์ที่ใช้มีมากเกินไป
- มีสัญญาณรบกวน
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- ใส่ค่า Security ผิด |
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่มประสิทธิภาพของ AP เช่น ต่อสายอากาศ
- เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณอื่น
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- ตรวจสอบ Security ว่าตรงตามที่ใช้งานหรือไม่ |
เชื่อมต่อสัญญาณได้ แต่มีอาการกระตุกของสัญญาณ
|
- ระยะห่างระหว่าง AP และอุปกรณ์ที่ใช้มีมากเกินไป
- กำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงเกินไป
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- มีผู้ใช้งานเชื่อมต่อ AP ตัวเดียวกันมากเกินไป
|
- ย้ายจุดใช้งานของตัวอุปกรณ์ปลายทาง
- เพิ่มอุปกรณ์ Wireless ที่เสริมประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณได้
- เพิ่มประสิทธิภาพของ AP เช่น ต่อสายอากาศ
- กำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้ต่ำลงหรือให้เป็นแบบอัตโนมัติ
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- หากอุปกรณ์ Wireless AP มีส่วนปรับแก้ค่า ACK timeout ให้ทำการปรับค่าให้สูงขึ้น
- เพิ่มจำนวน AP ให้เพียงพอกับความต้องการ (AP 1 ตัวต่อผู้ใช้งาน 20 คน
|
สัญญาณไม่ครอบคลุมพื้นที่
|
- มีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่
- ใช้สายอากาศผิดประเภท (การแพร่กระจายคลื่นไม่ตรงตามความต้องการ)
|
- ปรับเปลี่ยนจุดติดตั้งหรือเพิ่มอุปกรณ์ AP
- ปรับเปลี่ยนสายอากาศใหม่
|
สัญญาณออกมาน้อย
|
- ช่องสัญญาณของ AP ทับซ้อนกัน
- ใช้สายอากาศผิดประเภท (ความถี่ไม่ตรงกับอุปกรณ์)
- ใช้สายนำสัญญาณผิดรุ่น (สูญเสียกำลังในสาย)
|
- ปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณของ AP ให้ห่างกัน
- ตรวจสอบคุณสมบัติของสายอากาศก่อนนำมาใช้งาน
- ใช้สายนำสัญญาณที่รองรับความถี่สูง
|
ช่องสัญญาณระหว่าง 5.5 – 5.7 GHz เปลี่ยนช่องด้วยตัวเอง
|
- Dynamic Frequency Selection (DFS) มีการใช้งานในกิจการเรดาร์ภาคพื้นดิน (Ground-based radars)
|
- เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณอื่น
|
No comments:
Post a Comment